ตลาดแรงงานไทยในญี่ปุ่น
– การจ้างแรงงานต่างชาติในประเทศญี่ปุ่น
(๑) แรงงานฝีมือ (Skilled Labour)
ประเทศญี่ปุ่นอนุญาตให้แรงงานต่างชาติเข้ามาทำงานได้ ๑๕ ประเภทงาน ได้แก่
๑) ศาสตราจารย์
๒) ศิลปิน
๓) ผู้ประกอบกิจกรรมทางศาสนา
๔) ผู้เชี่ยวชาญ (Highly Skilled)
๕) นักลงทุน / ผู้บริหาร
๖) ผู้ให้บริการทางการแพทย์
๗) นักวิจัย
๘) ครู / ผู้สอน
๙) วิศวกร / ผู้เชี่ยวชาญด้านมนุษย์ศาสตร์และกิจการต่างประเทศ
๑๐) ผู้ที่ทำงานกับบริษัทสาขาในต่างประเทศ
๑๑) นักแสดง
๑๒) แรงงานฝีมือ เช่น พ่อครัว แม่ครัว ควาญช้าง ผู้ฝึกสอนมวยไทย เป็นต้น
๑๓) นักข่าว นักหนังสือพิมพ์
๑๔) นักกฎหมาย นักบัญชี
๑๕) ผู้บริบาล (เฉพาะนักศึกษาที่จบสาขาอาชีพบริบาลและเปลี่ยนวีซ่าจาก”นักศึกษา”)
จากรายงานสถิติคนต่างชาติขึ้นทะเบียนพำนักต่อกรมตรวจคนเข้าเมือง กระทรวงยุติธรรมญี่ปุ่น ณ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ มีชาวต่างชาติทำงาน ๑๔ ประเภทดังกล่าว จำนวน ๕๕๔,๐๘๔ คน (ผู้ฝึกงานด้านเทคนิค ๓๒๘,๓๖๐คนและอื่นๆ ๒๒๕,๗๒๔ คน)
(๒) ผู้ฝึกงานด้านเทคนิค (Technical Intern Trainee)
ประเทศญี่ปุ่นเปิดรับผู้ฝึกปฏิบัติงานเทคนิคต่างชาติ (Technical Intern Trainee) มาฝึกปฏิบัติงาน (ทำงาน) ระบบ ๑ ปี และระบบ ๕ ปี (ขึ้นอยู่กับประเภทงาน) ระบบที่อยู่ทำงานได้ ๕ ปี มี ๘๐ สาขาช่าง ๑๔๔ ลักษณะงาน ผู้ฝึกปฏิบัติงานกลุ่มนี้สามารถเข้ามาฝึกงานในประเทศญี่ปุ่นได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
ระบบการรับผู้ฝึกงานมี ๒ ระบบ คือ
๑) ระบบผ่านองค์กรรับ (Supervising Organization) ซึ่งรวมถึง IM Japan ด้วย
๒) ระบบบริษัทแม่ในญี่ปุ่นที่มีสาขาลูกในต่างประเทศเป็นผู้รับเอง
จากรายงานสถิติคนต่างชาติขึ้นทะเบียนพำนักต่อสำนักควบคุมคนเข้าเมืองและสถานะพำนัก กระทรวงยุติธรรมญี่ปุ่น ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ มีชาวต่างชาติเป็นผู้ฝึกงานทั้ง ๒ ระบบดังกล่าว จำนวน ๓๒๘,๓๖๐ คน
(๓) แรงงานฝีมือ วีซ่าเฉพาะทาง (Designated Activities) งานก่อสร้างและต่อเรือ
รัฐบาลญี่ปุ่นอนุญาตแรงงานฝีมือชั่วคราวใน ๒ สาขา ได้แก่ สาขาก่อสร้าง และสาขาการต่อเรือโดยมีเงื่อนไขว่า จะต้องเคยเป็นผู้ฝึกปฏิบัติงานเทคนิคใน ๒ สาขาดังกล่าวมาก่อน จะสามารถกลับมาทำงานในประเทศญี่ปุ่นได้ โดยได้รับวีซ่าเฉพาะทาง (Designated Activities) สามารถทำงานได้ระหว่างปี ๒๕๕๘ – ๒๕๖๓ เท่านั้น และไม่มีการต่ออายุ โดยแต่ละคนจะทำงานได้อย่างมากไม่เกิน ๓ ปี จะได้รับค่าจ้างและสวัสดิการใกล้เคียงกับคนญี่ปุ่น ซึ่งจากข้อมูลองค์กร JITCO (Japan International Training Cooperation Organization) ซึ่งเป็นองค์กรที่ควบคุมดูแลองค์กรรับในประเทศญี่ปุ่นแจ้งว่า ผู้ฝึกงานไทยที่เคยเข้ามาฝึกปฏิบัติงานในสาขาก่อสร้างมีจำนวน ๓๒๐ คน จนถึงปัจจุบันมีแรงงานไทยที่มาทำงานโดยใช้วีซ่าเฉพาะทางในลักษณะนี้ ในสาขาก่อสร้าง ๓๔ คน และสาขาการต่อเรือ ๔๗ คน
ผู้ฝึกงานและแรงงานไทยในประเทศญี่ปุ่น นอกจากจะได้รับค่าจ้างแล้วผู้ฝึกงานบางส่วนจะได้เรียนรู้ภาษา วัฒนธรรม และเทคโนโลยีใหม่ๆ อีกทั้งยังมีโอกาสได้เรียนรู้เทคนิควิธีการทำงานแบบญี่ปุ่น ฝึกฝนความอดทนและวินัยในการทำงาน ทำให้สามารถพัฒนาตนเองให้เป็นแรงงานหรือผู้ประกอบการที่มีคุณภาพต่อไป
การบริหารจัดการแรงงานต่างชาติผิดกฎหมาย
รัฐบาลญี่ปุ่นมีการจัดการเกี่ยวกับแรงงานต่างชาติผิดกฎหมายอย่างเข้มงวด โดยแรงงานต่างชาติผิดกฎหมายสามารถแบ่งได้ ๓ ประเภท
(๑) แรงงานผิดกฎหมายที่เข้ามาโดยใช้วีซ่าท่องเที่ยว แรงงานผิดกฎหมายกลุ่มนี้ เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศยกเว้นวีซ่าท่องเที่ยวเป็นเวลา ๑๕ วันให้แก่นักท่องเที่ยวไทย
(๒) แรงงานที่ทำงานผิดสถานภาพพำนัก เนื่องจากกฎหมายของประเทศญี่ปุ่นกำหนดให้แรงงานสามารถทำงานได้ตามสถานภาพการพำนัก(วีซ่า) เท่านั้น แรงงานจึงต้องทำงานตามตำแหน่งที่ระบุในวีซ่าเท่านั้น แต่พบว่ายังมีผู้ที่ทำงานนอกเหนือจากสถานะภาพ (วีซ่า) ที่ได้รับ
(๓) นักเรียน ผู้ติดตาม และผู้ดำเนินกิจกรรมด้านวัฒนธรรม ทำงานพิเศษมากกว่าชั่วโมงทำงานที่ได้รับอนุญาต ซึ่งตามกฎหมายอนุญาตให้ทำงานได้ไม่เกินสัปดาห์ละ ๒๘ ชั่วโมง หรือ วันละ ๘ ชั่วโมงในช่วงปิดเทอม
หากทางการญี่ปุ่นตรวจพบแรงงานที่ทำงานผิดกฎหมาย จะถูกเนรเทศกลับประเทศและไม่สามารถเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นได้เป็นเวลา ๕ – ๑๐ ปี ทั้งนี้นายจ้างที่จ้างงานแรงงานผิดกฎหมายจะถูกปรับไม่เกิน ๓๐๐,๐๐๐ เยน
การเปิดรับแรงงานต่างชาติเพิ่มเติมในประเทศญี่ปุ่น
- เมื่อวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๑ รัฐสภาญี่ปุ่นได้ผ่านร่างกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายตรวจคนเข้าเมือง เพื่อให้สามารถอนุญาตให้แรงงานต่างชาติที่ไม่ใช่แรงงานฝีมือเดินทางเข้ามาทำงานในประเทศญี่ปุ่นได้ (เดิมเข้ามาได้เฉพาะในสถานะผู้ฝึกงานเทคนิค) ทั้งนี้เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานในประเทศญี่ปุ่น กฎหมายดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๒ สาระสำคัญสรุปได้ดังนี้
– ภายใต้กฎหมายการเปิดรับแรงงานต่างชาติรูปแบบใหม่นี้ แรงงานต่างชาติในสาขาอาชีพที่มีความขาดแคลนในญี่ปุ่น (ในเบื้องต้นกำหนดไว้ ๑๔ สาขาอาชีพ) จะสามารถพำนักได้ภายใต้ ๒ สถานะ กล่าวคือ ๑) สถานะแรงงานที่มีทักษะเฉพาะ แบบที่ ๑ ( Specified Skilled Worker (i) ) ซึ่งสามารถทำงานและพำนักในญี่ปุ่นได้ไม่เกิน ๕ ปี แบบต่อเนื่อง แต่ไม่สามารถนำครอบครัวมาพำนักอาศัยด้วยได้ และ ๒) สถานะแรงงานที่มีทักษะเฉพาะ แบบที่ ๒ ( Specified Skilled Worker (ii) ) ซึ่งสามารถทำงานและพำนักในญี่ปุ่นได้ต่อเนื่องแบบไม่มีกำหนด โดยสามารถนำครอบครัวมาพำนักอาศัยด้วยได้ ทั้งนี้ แรงงานต้องผ่านการทดสอบในด้านต่างๆ โดยผลการสอบจะกำหนดประเภทและสถานะการพำนัก
– มีการประมาณการว่าในอีก ๕ ปีข้างหน้านี้ จะมีการรับแรงงานในระบบใหม่จำนวน ๓๔๕,๑๕๐ คน โดยแต่ละกระทรวงที่เกี่ยวข้องของญี่ปุ่นจะต้องกำหนดหลักเกณฑ์และมาตรฐานต่าง ๆ ที่จะทดสอบแรงงาน และรายละเอียดลักษณะงานหลักที่ทำในแต่ละสาขาอาชีพ ดังตาราง
กระทรวงที่ดูแล |
ประเภทงาน |
จำนวนคนที่รับ |
ลักษณะงานหลัก |
กระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการ |
บริบาล |
๖๐,๐๐๐ |
ดูแลให้ความช่วยเหลือผู้สูงอายุในการอาบน้ำและทานอาหาร โดยปกติแล้วจะไม่มีการให้เข้าไปดูแลที่บ้าน |
ทำความสะอาดอาคาร |
๓๗,๐๐๐ |
ทำความสะอาดอาคาร |
|
กระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรม |
งานผลิตชิ้นส่วนโลหะอุตสาหกรรม |
๒๑,๕๐๐ |
งานหล่อ, งานขึ้นรูป, งานกดโลหะ |
งานผลิตเครื่องจักร |
๕,๒๕๐ |
งานกดโลหะ, งานเชื่อม, งานหล่อพลาสติก |
|
งานเกี่ยวกับไฟฟ้า |
๔,๗๐๐ |
งานประกอบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, งานเชื่อม, งานหล่อพลาสติก |
|
กระทรวงที่ดิน ระบบสาธารณูปโภค คมนาคม และการท่องเที่ยว |
งานก่อสร้าง |
๔๐,๐๐๐ |
งานสร้างโครงไม้, งานโบกปูน, งานที่ใช้เครื่องจักรในการก่อสร้าง, งานเหล็กเสริมคอนกรีต |
งานต่อเรือเดินสมุทร/ งานเกี่ยวเนื่องเรือเดินสมุทร |
๑๓,๐๐๐ |
งานเชื่อม, งานทาสี, งานแปรรูปเหล็ก, งานนั่งร้าน, งานกัดกลึง |
|
งานบำรุงรักษารถยนต์ |
๗,๐๐๐ |
งานบำรุงรักษาและตรวจเช็คสภาพเครื่องยนต์แบบวันต่อวัน, งานถอดประกอบ |
|
งานภาคพื้นสนามบิน |
๒,๒๐๐ |
งานสนับสนุนภาคพื้นเครื่องบิน. งานขนย้ายกระเป๋าและสัมภาระ |
|
งานด้านที่พัก |
๒๒,๐๐๐ |
งานต้อนรับลูกค้า,งานบริการลูกค้า, งานบริการด้านร้านอาหาร |
|
กระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมง |
งานเกษตร |
๓๖,๕๐๐ |
งานจัดการด้านเกษตร, จำแนกและจัดส่งผลผลิตด้านการเพาะปลูกและการเลี้ยงสัตว์ |
งานประมง |
๙,๐๐๐ |
งานประมงที่ใช้เรือจับปลา,การเลี้ยงสัตว์น้ำ |
|
งานผลิตวัตถุดิบอาหาร/เครื่องดื่ม |
๓๔,๐๐๐ |
งานผลิตอาหารและเครื่องดื่ม ยกเว้นเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ |
|
งานร้านอาหาร |
๕๓,๐๐๐ |
งานเตรียมอาหารและเครื่องดื่ม, งานบริการลูกค้า, งานจัดการบริหารร้าน |
– รัฐบาลญี่ปุ่นได้วางแผนที่จะนำระบบการทดสอบเพื่อรับแรงงานตามระบบวีซ่าชนิดใหม่ (วีซ่าแรงงานที่มีทักษะเฉพาะ แบบที่ ๑) ในสาขาที่มีความพร้อมที่จะทดสอบใน ๓ สาขาอาชีพ ได้แก่ งานด้านบริบาล งานด้านที่พัก และงานร้านอาหาร โดยทั้ง ๓ สาขานี้อาจจะเริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๒ สำหรับอีก ๑๑ สาขาที่เหลือจะเริ่มทยอยดำเนินการเมื่อมีความพร้อม
– ผู้ที่เดินทางเข้ามาทำงานด้วยระบบการเป็นผู้ฝึกงานเดิมหากฝึกงานครบ ๓ ปี จะได้รับการยกเว้นไม่ต้องผ่านการทดสอบและสามารถเปลี่ยนวีซ่าจากระบบผู้ฝึกงานเป็นวีซ่าทำงานแบบใหม่ได้ ตั้งแต่เดือนเมษายน ๒๕๖๒
ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีผู้ฝึกงานจำนวนมากได้รับการเปลี่ยนสถานะของวีซ่า โดยเฉพาะผู้ฝึกงานในภาคเกษตรและภาคการก่อสร้าง
– สำหรับวีซ่าแรงงานที่มีทักษะเฉพาะ แบบที่ ๒ ซึ่งในหลักการต้องเป็นผู้ที่มีทักษะในระดับสูง อาจจะเริ่มจาก ๒ สาขาอาชีพ ได้แก่ งานก่อสร้างและงานต่อเรือ อย่างไรก็ตามยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนในเรื่องนี้
– เว็บไซด์กระทรวงยุติธรรมญี่ปุ่น ได้ลงข้อมูลเกี่ยวกับการทดสอบภาษาญี่ปุ่นและการทดสอบทักษะด้านอาชีพสำหรับแรงงานต่างชาติที่จะเข้ามาทำงานในญี่ปุ่น ตามวีซ่าแรงงานที่มีทักษะเฉพาะ แบบที่ ๑ สรุปได้ว่า
๑) ด้านภาษาญี่ปุ่น จะต้องผ่านมาตรฐานระดับ N ๔ ขึ้นไป (เป็นมาตรฐานภาษาญี่ปุ่นที่มีอยู่เดิม โดยจะแบ่งเป็น ๕ ระดับ ระดับ ๑ สูงสุด ระดับ ๕ ต่ำสุด) หรือผ่านการทดสอบ/ประเมินทักษะภาษาญี่ปุ่น ตามที่รัฐบาลจะได้กำหนด (ขณะนี้รัฐบาลญี่ปุ่นอยู่ในระหว่างการกำหนดแบบทดสอบขึ้นมาเป็นการเฉพาะเพื่อใช้ทดสอบกับแรงงานที่จะนำเข้าด้วยวีซ่าระบบใหม่นี้ โดยอาจนำไปทดสอบในประเทศต้นทาง)
๒) ด้านทักษะอาชีพ จะต้องผ่านการทดสอบ/ประเมินทักษะตามลักษณะงานหลักของแต่ละประเภทงานที่จะเข้ามาทำงาน (รายละเอียดประเภทงานและลักษณะงานตามข้อมูลข้างต้น)
โอกาสของแรงงานไทย
ระบบวีซ่าทำงานใหม่นี้ เป็นมาตรการที่รัฐบาลญี่ปุ่นดำเนินการเพื่อปิดช่องว่างในระบบการรับแรงงานต่างชาติด้วยระบบการฝึกงานแบบเดิม เนื่องจากในระบบการฝึกงาน เมื่อครบกำหนด (สูงสุดไม่เกิน ๕ ปี) จะไม่สามารถกลับเข้ามาด้วยวีซ่าผู้ฝึกงานได้อีก ทำให้นายจ้างที่ประสงค์จะรับแรงงานต่อเนื่องไม่สามารถทำได้ แต่ด้วย วีซ่าระบบใหม่นี้ นายจ้างจะสามารถรับแรงงานทำงานได้อย่างต่อเนื่อง หากแรงงานสามารถสอบผ่านมาตรฐานที่ทางญี่ปุ่นกำหนด นับว่าได้เปิดโอกาสให้แรงงานกลุ่มนี้สามารถเดินทางกลับเข้ามาทำงานในญี่ปุ่นได้ง่ายขึ้น สำหรับแรงงานที่ยังไม่เคยผ่านระบบการฝึกงาน หากสามารถเรียนรู้ภาษาญี่ปุ่น และสอบผ่านได้ตามมาตรฐานที่กำหนดก็สามารถเดินทางมาทำงานได้เช่นกัน อย่างไรก็ตามขึ้นอยู่กับนายจ้างว่าประสงค์จะจ้างแรงงานไทยหรือไม่ รวมทั้งอัตราค่าจ้างที่นายจ้างเสนอว่าจะจูงใจให้แรงงานไทยสนใจมาทำงานที่ญี่ปุ่นหรือไม่ด้วย
สิ่งที่แรงงานไทยต้องเตรียมพร้อม ได้แก่
– ทักษะด้านภาษาญี่ปุ่น เนื่องจากจะต้องสอบวัดระดับความรู้ภาษาญี่ปุ่นตามมาตรฐานที่ประเทศญี่ปุ่นจะกำหนด ซึ่งฝ่ายญี่ปุ่นอยู่ระหว่างการกำหนดรายละเอียดขั้นตอนการจัดสอบ
– ทักษะด้านอาชีพที่จะเข้าสอบ ใน ๑๔ กลุ่มสาขาอาชีพที่จะมีการเปิดรับสมัคร
ปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ได้แก่
– ปัญหาการหลอกลวงแรงงานเข้ามาทำงาน โดยอาจใช้ช่องทางการชักจูงผ่าน สื่อโซเชียล
ปัญหาแรงงานไทยที่เข้าไปทำงาน ทั้งที่ถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย
– ปัญหาของแรงงานไทยถูกกฎหมาย
- การทำงานผิดประเภทวีซ่า
- นายจ้างไม่ปฏิบัติตามสัญญาจ้าง เช่น ไม่จ่ายค่าล่วงเวลา ไม่ให้สลิปเงินเดือน
- การไม่ทำสัญญาจ้างเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งมักพบในกรณีที่นายจ้างเป็นคนไทยด้วยกันเอง
- เกิดอุบัติเหตุในการทำงานแล้วนายจ้างไม่แสดงความรับผิดชอบ
- แรงงานถูกยึดพาสปอร์ต
– ปัญหาของแรงงานไทยผิดกฎหมาย
- อำนาจต่อรองกับนายจ้างน้อย เพราะมักจะถูกขู่ว่าจะนำส่งกรมตรวจคนเข้าเมือง
- ไม่ได้รับการคุ้มครองจากระบบประกันสังคม และประกันแรงงานต่างๆ
- มักจะต้องเปลี่ยนสถานที่ทำงานไปเรื่อยๆ เพื่อหลบหนีการจับกุมของทางการญี่ปุ่น
- มักจะถูกนายหน้าในประเทศญี่ปุ่นหลอกลวงว่าจะแนะนำงานให้
………………………………………..
13380