แนวโน้มการจ้างงาน
-สถิติจากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข แรงงานและสวัสดิการ ของประเทศญี่ปุ่นล่าสุด ณ เดือนตุลาคม ๒๕๖๑ รายงานว่า มีการจ้างแรงงานต่างชาติจำนวน ๑,๔๖๐,๔๖๓ คน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า ๑๘๑,๗๙๓ คน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๔.๒ และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นทุกปี
-แรงงานต่างชาติที่ทำงานในญี่ปุ่นสูงสุดใน ๕ อันดับแรก คือ จีน (๓๘๙,๑๑๗ คน) เวียดนาม (๓๑๖,๘๔๐ คน) ฟิลิปปินส์ (๑๖๔,๐๐๖ คน) บราซิล (๑๒๗,๓๙๒ คน) เนปาล (๘๑,๕๖๒ คน ) สำหรับประเทศไทยไม่มีการจัดลำดับเนื่องจากมีจำนวนน้อย
จำนวนแรงงานไทยในญี่ปุ่น
-ณ เดือนมิถุนายน ๒๕๖๑ มีจำนวนแรงงานไทยทำงานในญี่ปุ่นประมาณ ๒๐,๓๖๕ คน เป็นแรงงานที่เข้าเมืองถูกกฎหมาย ๑๓,๕๐๕ คน ผิดกฎหมาย ๖,๘๖๐ คน (ข้อมูลจากกระทรวงยุติธรรมญี่ปุ่น)
-แรงงานไทยที่เดินทางเข้าเมืองถูกกฎหมายมี ๒ รูปแบบ ได้แก่
๑) แรงงานฝีมือ (ซึ่งแจ้งการเดินทางมาทำงานด้วยตนเอง เช่น ศิลปิน ผู้เชี่ยวชาญ ครู วิศวกร พ่อครัว/แม่ครัว เป็นต้น) มีประมาณ ๔,๘๖๑ คน
๒) ผู้ฝึกปฏิบัติงานเทคนิค ซึ่งเป็นกลุ่มแรงงานที่จัดส่งโดยบริษัทจัดหางานและกระทรวงแรงงาน มีจำนวนประมาณ ๘,๖๔๔ คน(ประเทศไทยมีจำนวนผู้ฝึกงาน เป็นลำดับที่ ๕ รองจาก เวียดนาม จีน ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย)
๒. การเปิดรับแรงงานต่างชาติเพิ่มเติมในประเทศญี่ปุ่น
-เมื่อวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๑ รัฐสภาญี่ปุ่นได้ผ่านร่างกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายตรวจคนเข้าเมือง เพื่อให้สามารถอนุญาตให้แรงงานต่างชาติที่ไม่ใช่แรงงานฝีมือเดินทางเข้ามาทำงานในประเทศญี่ปุ่นได้ (เดิมเข้ามาได้เฉพาะในสถานะผู้ฝึกงานเทคนิค) ทั้งนี้เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานในประเทศญี่ปุ่น กฎหมายดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๒ สาระสำคัญสรุปได้ดังนี้
-ภายใต้กฎหมายการเปิดรับแรงงานต่างชาติรูปแบบใหม่นี้ แรงงานต่างชาติในสาขาอาชีพที่มีความขาดแคลนในญี่ปุ่น (ในเบื้องต้นกำหนดไว้ ๑๔ สาขาอาชีพ) จะสามารถพำนักได้ภายใต้ ๒ สถานะ กล่าวคือ ๑) สถานะเทคนิคพิเศษแบบที่ ๑ ซึ่งสามารถทำงานและพำนักในญี่ปุ่นได้ไม่เกิน ๕ ปี แบบต่อเนื่อง แต่ไม่สามารถนำครอบครัวมาพำนักอาศัยด้วยได้ และ ๒) สถานะเทคนิคพิเศษแบบที่ ๒ ซึ่งสามารถทำงานและพำนักในญี่ปุ่นได้ต่อเนื่องแบบไม่มีกำหนด โดยสามารถนำครอบครัวมาพำนักอาศัยด้วยได้ ทั้งนี้ แรงงานต้องผ่านการทดสอบในด้านต่างๆ โดยผลการสอบจะกำหนดประเภทและสถานะการพำนัก
-มีการประมาณการว่าในอีก ๕ ปีข้างหน้านี้ จะมีการรับแรงงานในระบบใหม่จำนวน ๓๔๕,๑๕๐ คน โดยแต่ละกระทรวงที่เกี่ยวข้องของญี่ปุ่นจะต้องกำหนดหลักเกณฑ์และมาตรฐานต่าง ๆ ที่จะทดสอบแรงงาน และรายละเอียดลักษณะงานหลักที่ทำในแต่ละสาขาอาชีพ ดังตาราง
กระทรวงที่ดูแล |
ประเภทงาน |
จำนวนคนที่รับ |
ลักษณะงานหลัก |
กระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการ |
บริบาล |
๖๐,๐๐๐ |
ดูแลให้ความช่วยเหลือผู้สูงอายุในการอาบน้ำและทานอาหาร โดยปกติแล้วจะไม่มีการให้เข้าไปดูแลที่บ้าน |
ทำความสะอาดอาคาร |
๓๗,๐๐๐ |
ทำความสะอาดอาคาร |
|
กระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรม |
งานผลิตชิ้นส่วนโลหะอุตสาหกรรม |
๒๑,๕๐๐ |
งานหล่อ, งานขึ้นรูป, งานกดโลหะ |
งานผลิตเครื่องจักร |
๕,๒๕๐ |
งานกดโลหะ, งานเชื่อม, งานหล่อพลาสติก |
|
งานเกี่ยวกับไฟฟ้า |
๔,๗๐๐ |
งานประกอบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, งานเชื่อม, งานหล่อพลาสติก |
|
กระทรวงที่ดิน ระบบสาธารณูปโภค คมนาคม และการท่องเที่ยว |
งานก่อสร้าง |
๔๐,๐๐๐ |
งานสร้างโครงไม้, งานโบกปูน, งานที่ใช้เครื่องจักรในการก่อสร้าง, งานเหล็กเสริมคอนกรีต |
งานต่อเรือเดินสมุทร/ งานเกี่ยวเนื่องเรือเดินสมุทร |
๑๓,๐๐๐ |
งานเชื่อม, งานทาสี, งานแปรรูปเหล็ก, งานนั่งร้าน, งานกัดกลึง |
|
งานบำรุงรักษารถยนต์ |
๗,๐๐๐ |
งานบำรุงรักษาและตรวจเช็คสภาพเครื่องยนต์แบบวันต่อวัน, งานถอดประกอบ |
|
งานภาคพื้นสนามบิน |
๒,๒๐๐ |
งานสนับสนุนภาคพื้นเครื่องบิน. งานขนย้ายกระเป๋าและสัมภาระ |
|
งานด้านที่พัก |
๒๒,๐๐๐ |
งานต้อนรับลูกค้า,งานบริการลูกค้า, งานบริการด้านร้านอาหาร |
|
กระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมง |
งานเกษตร |
๓๖,๕๐๐ |
งานจัดการด้านเกษตร, จำแนกและจัดส่งผลผลิตด้านการเพาะปลูกและการเลี้ยงสัตว์ |
งานประมง |
๙,๐๐๐ |
งานประมงที่ใช้เรือจับปลา,การเลี้ยงสัตว์น้ำ |
|
งานผลิตวัตถุดิบอาหาร/เครื่องดื่ม |
๓๔,๐๐๐ |
งานผลิตอาหารและเครื่องดื่ม ยกเว้นเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ |
|
งานร้านอาหาร |
๕๒,๐๐๐ |
งานเตรียมอาหารและเครื่องดื่ม, งานบริการลูกค้า, งานจัดการบริหารร้าน |
ความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าวสรุปได้ดังนี้
๑) รัฐบาลญี่ปุ่นได้วางแผนที่จะนำระบบการทดสอบเพื่อรับแรงงานตามระบบวีซ่าชนิดใหม่ (วีซ่าเทคนิคพิเศษแบบที่ ๑) ในสาขาที่มีความพร้อมที่จะทดสอบใน ๓ สาขาอาชีพ ได้แก่ งานด้านบริบาล งานด้านที่พัก และงานร้านอาหาร โดยทั้ง ๓ สาขานี้อาจจะเริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๒ สำหรับอีก ๑๑ สาขาที่เหลือจะเริ่มทยอยดำเนินการเมื่อมีความพร้อม
๒) ผู้ที่เดินทางเข้ามาทำงานด้วยระบบการเป็นผู้ฝึกงานเดิมหากฝึกงานครบ ๓ ปี จะได้รับการยกเว้นไม่ต้องผ่านการทดสอบและสามารถเปลี่ยนวีซ่าจากระบบผู้ฝึกงานเป็นวีซ่าทำงานแบบใหม่ได้ ตั้งแต่เดือนเมษายน ๒๕๖๒
ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีผู้ฝึกงานจำนวนมากได้รับการปรับเปลี่ยนสถานะของวีซ่า โดยเฉพาะผู้ฝึกงานในภาคเกษตรและภาคการก่อสร้าง
๓) สำหรับวีซ่าเทคนิคพิเศษแบบที่ ๒ ซึ่งในหลักการต้องเป็นผู้ที่มีทักษะในระดับสูง อาจจะเริ่มจาก ๒ สาขาอาชีพ ได้แก่ งานก่อสร้างและงานต่อเรือ อย่างไรก็ตามยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนในเรื่องนี้
-เว็บไซด์กระทรวงยุติธรรมญี่ปุ่น ได้ลงข้อมูลเกี่ยวกับการทดสอบภาษาญี่ปุ่นและการทดสอบทักษะด้านอาชีพสำหรับแรงงานต่างชาติที่จะเข้ามาทำงานในญี่ปุ่น ตามวีซ่าเทคนิคพิเศษแบบที่ ๑ สรุปได้ว่า
๑) ด้านภาษาญี่ปุ่น จะต้องผ่านมาตรฐานระดับ N๔ ขึ้นไป (เป็นมาตรฐานภาษาญี่ปุ่นที่มีอยู่เดิม โดยจะแบ่งเป็น ๕ ระดับ ระดับ ๑ สูงสุด ระดับ ๕ ต่ำสุด) หรือผ่านการทดสอบ/ประเมินทักษะภาษาญี่ปุ่น ตามที่รัฐบาลจะได้กำหนด (ขณะนี้รัฐบาลญี่ปุ่นอยู่ในระหว่างการกำหนดแบบทดสอบขึ้นมาเป็นการเฉพาะเพื่อใช้ทดสอบกับแรงงานที่จะนำเข้าด้วยวีซ่าระบบใหม่นี้ โดยอาจนำไปทดสอบในประเทศต้นทาง)
๒) ด้านทักษะอาชีพ จะต้องผ่านการทดสอบ/ประเมินทักษะตามลักษณะงานหลักของแต่ละประเภทงานที่จะเข้ามาทำงาน (รายละเอียดประเภทงานและลักษณะงานตามข้อมูลข้างต้น)
๓. โอกาสของแรงงานไทย
ระบบวีซ่าทำงานใหม่นี้ เป็นมาตรการที่รัฐบาลญี่ปุ่นดำเนินการเพื่อปิดช่องว่างในระบบการรับแรงงานต่างชาติด้วยระบบการฝึกงานแบบเดิม เนื่องจากในระบบการฝึกงาน เมื่อครบกำหนด (สูงสุดไม่เกิน ๕ ปี) จะไม่สามารถกลับเข้ามาด้วยวีซ่าผู้ฝึกงานได้อีก ทำให้นายจ้างที่ประสงค์จะรับแรงงานต่อเนื่องไม่สามารถทำได้ แต่ด้วยวีซ่าระบบใหม่นี้ นายจ้างจะสามารถรับแรงงานทำงานได้อย่างต่อเนื่อง หากแรงงานสามารถสอบผ่านมาตรฐานที่ทางญี่ปุ่นกำหนด
สิ่งที่แรงงานไทยต้องเตรียมพร้อม ได้แก่
-ทักษะด้านภาษาญี่ปุ่น เนื่องจากจะต้องสอบวัดระดับความรู้ภาษาญี่ปุ่นตามมาตรฐานที่ประเทศญี่ปุ่นจะกำหนด ซึ่งฝ่ายญี่ปุ่นอยู่ระหว่างการกำหนดรายละเอียดขั้นตอนการจัดสอบ
-ทักษะด้านอาชีพที่จะเข้าสอบ ใน ๑๔ กลุ่มสาขาอาชีพที่จะมีการเปิดรับสมัคร
ปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ได้แก่
-ปัญหาการหลอกลวงแรงงานเข้ามาทำงาน โดยอาจใช้ช่องทางการชักจูงผ่าน สื่อโซเชียล
6668