สภาพความเป็นอยู่ของแรงงานไทย
แรงงานไทยที่อยู่ในประเทศญี่ปุ่นมีทั้งส่วนที่เป็นแรงงานที่ทำงานอยู่อย่างถูกต้องตามกฎหมายและแรงงานที่ลักลอบทำงานอยู่อย่างผิดกฎหมาย ซึ่งสภาพความเป็นอยู่ก็แตกต่างกันไปตามสภาพ ดังนี้
แรงงานถูกกฎหมาย
ส่วนใหญ่มีสภาพความเป็นอยู่ดีเช่นเดียวกับพนักงานชาวญี่ปุ่นทั่วไป คือมีที่พักที่มีเครื่องอำนวยความสะดวกค่อนข้างครบครัน มีสวัสดิการ เงินเดือนที่ได้รับค่อนข้างเป็นไปตามเกณฑ์ และไม่ค่อยมีปัญหาในเรื่องการถูกเอารัดเอาเปรียบ แรงงานเหล่านี้มักมีการทำสัญญาการจ้างงาน และตระหนักในสิทธิของตน
แรงงานผิดกฎหมาย
เพศชาย ส่วนใหญ่ทำงานเป็นกรรมกรก่อสร้าง งานในโรงงาน และเพศหญิงพบว่าส่วนมากทำงานในสแน็คบาร์ หรืองานในโรงงาน สภาพความเป็นอยู่พบว่าอาจไม่ดีเท่ากับแรงงานถูกกฎหมาย และต้องอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆ หากอยู่ในเมืองใหญ่ที่มีค่าเช่าที่พักแพงอาจเช่าห้องพักอยู่ร่วมกันหลายคน โดยเฉพาะหญิงที่มาค้าบริการและยังทำงานใช้หนี้ให้แก่นายจ้างที่ซื้อตัวหญิงนั้นมาก็จะมีความเป็นอยู่ที่ไม่ดีและถูกบังคับให้ค้าประเวณีจนกว่าจะใช้หนี้หมด แต่ก็มีแรงงานไทยผิดกฎหมายจำนวนมากที่มีความอยู่อย่างสุขสบายและมีรายได้ที่ดี และพบว่ามีแรงงานผิดกฎหมายจำนวนไม่น้อยที่มีรายได้และความเป็นอยู่ดีกว่าแรงงานถูกกฎหมาย โดยเฉพาะผู้ใช้แรงงานตามต่างจังหวัดที่อยู่ญี่ปุ่นมานานมีรายได้ค่อนข้างดี (วันละมากกว่า 3,000 บาท) คนงานเหล่านี้ไม่ต้องชำระค่าประกันสังคมต่างๆ รายได้ก็ได้รับเต็มเม็ดเต็มหน่วย สามารถส่งเงินกลับไปเลี้ยงครอบครัวทางประเทศไทยและสร้างบ้านได้ และเป็นที่น่าแปลกใจว่าแรงงานไทยที่อยู่อย่างผิดกฎหมายจำนวนไม่น้อยมีรถขับใช้กันอย่างเปิดเผยทั้งๆที่ไม่มีวีซ่าและใบขับขี่ หากไม่สร้างความเดือดร้อนให้แก่คนในละแวกนั้นจนถูกชาวบ้านเรียกให้ตำรวจมาจับ หรือขับรถชน หรือถูกตรวจจับใบขับขี่แล้วก็มักอยู่ทำงานได้ต่อเรื่อยๆ
ข้อมูลจากกรมตรวจคนเข้าเมือง กระทรวงยุติธรรมญี่ปุ่นเกี่ยวกับคนต่างชาติที่ถูกเนรเทศในปี 2549 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแรงงานผิดกฎหมาย มีข้อมูลที่น่าสนใจ ดังนี้
แรงงานต่างชาติที่ลักลอบทำงานอยู่อย่างผิดกฎหมายที่ถูกเนรเทศส่วนใหญ่ทำงานอยู่ตาม เมืองใหญ่ๆ ได้แก่ กรุงโตเกียวซึ่งมีจำนวนมากที่สุด(ร้อยละ 31.5) ลำดับรองลงมาได้แก่ คานากาวะไออิจิ,, ชิบะ, ไซตามะ, กุมมะ, อิบารากิ, โอซากา, โตจิกิ และชิซึโอกะ ตามลำดับ เฉพาะผู้ถูกเนรเทศจาก 10 เมืองดังกล่าว คิดเป็นร้อยละ 87.3 ของผู้ที่ถูกเนรเทศทั้งหมด
หากพิจารณาตามระยะเวลาที่แรงงานเหล่านี้ทำงานอยู่พบว่า ร้อยละ 44 เป็นผู้ที่ทำงานอยู่นานกว่า 3 ปีขึ้นไป ในจำนวนนี้ราวร้อยละ 64.8 ทำงานนานกว่า 5 ปีขึ้นไป หากพิจารณาตาม ค่าจ้างที่ได้รับพบว่ามีแนวโน้มลดลง โดยผู้ที่มีรายได้อยู่ระหว่างวันละ 5,000-7,000 เยนมากที่สุด(ร้อยละ 41.2) รองลงมาคือวันละ 7,000-10,000 เยน(ร้อยละ 35.6) และวันละ 3,000-5,000 เยน(ร้อยละ 12.0) ตามลำดับ แรงงานต่างชาติเหล่านี้ส่วนใหญ่ทำงานอยู่ในสถานประกอบการที่มีลักษณะเจ้าของคนเดียวที่เป็น ธุรกิจส่วนตัว และพบว่าผู้ที่ลักลอบทำงานอยู่อย่างผิดกฎหมายมักต้องการทำงานในสถานประกอบการ ขนาดเล็กโดยกระจายกันทำงาน ในกิจการงาน ดังต่อไปนี้
ประเภทงานที่แรงงานผิดกฎหมายทำ
รวมทุกสัญชาติ
ชาย
หญิง
ปัญหาของแรงงานไทย
การหลบหนีไปเป็นผู้อยู่เกินกำหนดและลักลอบทำงานอยู่ในญี่ปุ่นอย่างผิดกฎหมาย
เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นมีค่าแรงสูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่นจึงเป็นแรงจูงใจให้คนต่างชาติหาทางเข้ามาและหลบหนีอยู่ในประเทศญี่ปุ่นแม้ว่าจะต้องเสียค่าใช้จ่ายให้แก่นายหน้าที่ช่วยพาเข้าประเทศญี่ปุ่นก็ตาม เนื่องจากเป็นแรงงานที่ผิดกฎหมายและส่วนใหญ่มีการศึกษาที่ไม่สูงนักจึงกถูกมักถูกเอารัดเอาเปรียบจาก นายจ้างและมักได้รับการข่มขู่จากนายจ้างว่าจะส่งตัวให้เจ้าหน้าที่ละจะถูกเนรเทศกลับประเทศ ทำให้ลูกจ้าง ไม่กล้าร้องเรียนสิทธิผลประโยชน์ที่ตนเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ลูกจ้างส่วนใหญ่มักไม่ทราบว่า กฎหมาย แรงงานญี่ปุ่นคุ้มครองผู้ใช้แรงงานทุกคนที่ทำงานอยู่ในญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นคนชาติใดหรือมีสถานะ การพำนักที่ถูกต้องหรือไม่ก็ตาม ปัญหาที่มักเกิดกับผู้อยู่เกินกำหนดและลักลอบทำงานอยู่ในญี่ปุ่นอย่าง ผิดกฎหมายในเรื่องการทำงาน ได้แก่
* นายจ้างค้างจ่ายค่าจ้าง
* นายจ้างจ่ายค่าจ้างต่ำกว่าที่ตกลงกันไว้
* ทำงานล่วงเวลาโดยไม่ได้รับค่าจ้าง
* ถูกให้ออกจากงานโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า
* ถูกนายจ้างหักค่าใช้จ่ายต่างๆที่สูงเกินความจริง
* ถูกนายจ้างลดค่าจ้างโดยอ้างว่าเศรษฐกิจไม่ดี
* ได้รับอุบัติเหตุจากการทำงานแต่นายจ้างไม่รับผิดชอบ
* ผู้ฝึกงานปีแรกยังทำงานล่วงเวลาไม่ได้ก็คิดหลบหนี ทำให้ทำลายตลาดแรงงานของญี่ปุ่น
* ฯลฯ
นอกจากนี้ยังมีปัญหาใหญ่อีกเรื่องหนึ่ง คือ การไม่สามารถเข้าร่วมทำประกันสุขภาพของรัฐได้ ดังนั้น เมื่อเกิดเจ็บป่วยและต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนที่สูงมาก บางครั้งเจ็บป่วยต้องหายารับประทานเอง โดยไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงของโรค ทำให้รักษาได้ไม่ถูกจุด อาการสะสม
หญิงต่างชาติถูกหลอกให้มาขายบริการทางเพศในญี่ปุ่น
มีหญิงไทยจำนวนมากที่ได้รับการชักชวนจากนายหน้าให้มาทำงานที่ญี่ปุ่นโดยไม่ทราบว่าจะ ถูกหลอกให้มาขายบริการทางเพศ แต่เมื่อเข้ามาในญี่ปุ่นแล้วถูกขายต่อให้กับเจ้าของร้านสแน็คซึ่งก็คือ แหล่งขายบริการ ทางเพศในราคาสูงมาก(ประมาณคนละ 3 ล้าน 5 แสนเยนถึง 5 ล้านเยน) ซึ่งกลายเป็นหนี้ ซึ่งหญิงดังกล่าว ต้องชดใช้หนี้เหล่านี้โดยการถูกบังคับให้หาเงินจากการบริการทางเพศไปจนกว่าจะใช้ หนี้หมดแล้วจึงได้รับอิสระ
นายจ้างละเมิดสัญญาจ้าง
กรณีแรงงานที่เข้ามาทำงานในญี่ปุ่นอย่างถูกต้องตามกฎหมายมักมีปัญหาเรื่องนายจ้าง ไม่ปฏิบัติตามสัญญาจ้าง เช่น ให้ทำงานเกินกว่าเวลาที่ระบุในสัญาจ้าง, จ่ายค่าจ้างต่ำกว่าที่ระบุใน สัญญาจ้าง, นายจ้างไม่จ่ายค่าทำงานล่วงเวลา หรือจ่ายน้อยกว่าเกณฑ์ที่กำหนด เป็นต้น ซึ่งหากสำนักงานฯ ได้รับการร้องเรียนจากลูกจ้างก็จะช่วยไกล่เกลี่ยกรณีพิพาทให้ ซึ่งในกรณีนี้สามารถทำได้เนื่องจากใน สัญญาจ้างมีการกำกับ เงื่อนไขการจ้างไว้แล้วอย่างชัดเจน
ความเป็นอยู่และความสามารถในการปรับตัว
เนื่องจากต้องจากบ้านมาใช้ชีวิตอยู่ในญี่ปุ่นเป็นเวลานานประกอบกับภาษา, วัฒนธรรมและ อาหารการกินก็แตกต่างจากที่เคยเป็นอยู่ทำให้เหงาและคิดถึงบ้าน ยิ่งหากเป็นผู้อยู่เกินกำหนดก็ต้องอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆ หากเจอนายจ้างที่ไม่ดีก็จะเกิดความเครียดและความเบื่อ ทำให้เกิดความเครียดทำให้ ปฏิบัติงานได้ไม่ดี
อบายมุข
มีแรงงานไทยจำนวนไม่น้อยที่ติดอบายมุขเข้าบ่อนการพนัน หรือติดการเล่นปาจิงโกะ เงินที่หามาได้จึงหมดไปกับบ่อนและปาจิงโกะ และเมื่อหมดเงินก็ต้องไปกู้หนี้ยืมสิน หรือนำของไปจำนำเพื่อที่จะหาเงินมาเข้าบ่อน ในญี่ปุ่นแม้หนังสือเดินทางไทยก็พบว่ามีการรับจำนำกันได้
คนไทยหากินกับคนไทยด้วยกันเอง
คนไทยที่ไม่มีวีซ่าเมื่อต้องการทำงานก็จำเป็นต้องมีคนแนะนำงานให้ และเมื่อได้งานทำแล้วก็จ่ายเงินตอบแทนให้แก่คนไทยที่พาไปหางานให้ ซึ่งจะเรียกกันว่าค่าโชว์งาน นอกจากนี้มีคนไทยแจ้งมาที่สถานทูตฯอยู่เนืองๆเรื่องพฤติกรรมคนไทยที่ชอบหลอกลวงคนไทยด้วยกันเอง เช่น หางานให้โดยไม่มีงานจริง ยืมเงินแล้วไม่ใช้ คืนให้ จัดตั้งวงแชร์แล้วเชิดเงินหนีไป แอบอ้างรับเงินผลประโยชน์จากทายาทคนไทยเสียชีวิต เป็นต้น
ปัญหาเด็กถูกทอดทิ้งและเด็กไร้สัญชาติ
หญิงไทยผู้อยู่เกินกำหนดจำนวนมาก (ส่วนใหญ่ขายบริการทางเพศ) ที่ชอบพอกับชายชาวญี่ปุ่นโดยมิได้จดทะเบียนสมรส ต่อมาได้ให้กำเนิดบุตรแต่สามีชาวญี่ปุ่นไม่รับรองบุตรที่เกิดมา และหลายรายหลบหนีไป ประกอบกับหญิงเหล่านี้ไม่ได้ไปแจ้งเกิดต่อสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียวเพื่อขอรับสัญชาติไทยให้บุตร เนื่องจากเกรงว่าจะถูกทางการส่งตัวกลับประเทศไทย ทำให้เด็กที่เกิดมากลายเป็นเด็กไร้สัญชาติ เมื่อเกิดปัญหาเรื่องการดำรงชีวิตหรือปัญหาการทำงานทำให้ไม่สามารถเลี้ยงดูบุตรได้ ก็มักนำเด็กไปฝากศูนย์เลี้ยงเด็ก หรือหน่วยงานสวัสดิการของรัฐแล้วมักหลบหนีไป ทำให้หน่วยงานญี่ปุ่นไม่สามารถส่งเด็กกลับประเทศได้เนื่องจากไม่สามารถพิสูจน์สัญชาติของเด็กได้ มีหญิงไทยจำนวนไม่น้อยที่มา ขายบริการทางเพศและต่อมาอยู่กินกับชายญี่ปุ่นแล้ว มีปัญหาและเกิดความเครียดในการดำรงชีวิตจนมีปัญหาทางจิตใจจนก่อให้เกิดอาการทางประสาทตามมา
33903